
เห็นเรื่องราวแล้วทำให้แพรขาวนึกบางอย่างได้ ว่ารำไพอาจจะเป็นคนสาปแช่งให้ไรวินท์ติดอยู่บ้านนี้ เขาส่ายหน้า แพรขาวถามรู้ได้อย่างไร เขาจึงให้เธอเห็นภาพในอดีตต่อไป...

ในงานศพแรม ลูกน้องในกระทรวงมาช่วยงานมากมาย รวมทั้งรำไพ เธอพยายามจะคุยบางอย่างกับ ไรวินท์ แต่เขาคอยหลีกเลี่ยงเกรงใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ไรวินท์แนะนำว่ารำไพเป็นลูกน้องที่กระทรวงคนหนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ และด้วยสายตาของวารีและสีนวลที่มองเธออย่างส่วนเกิน ทำให้เธอนึกถึงคำพูดของแม่ชีบุญมา ที่เธอเคยถาม
“คุณป้าคะ ต่อไปพี่วินจะทำยังไงกับหนู ถ้าเขารู้ว่าหนูรู้ทันเขาแล้ว”
“ถ้ายังไม่เบื่อเขาก็คงประเล้าประโลมให้หนูใจอ่อน แต่ถ้าเขาเบื่อหรือแม่เขาบังคับให้เลิก เขาก็คง เชื่อแม่ยอมเลิก ป้าขอถามหนูหน่อย ถ้าผัวทิ้ง หนูจะอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวหนูเองไหม”
รำไพครุ่นคิดคำตอบ และเหตุการณ์ที่วัดวันนี้ทำให้เธอตัดสินใจได้...ขณะเดียวกัน วารีเข้ามาคุยกับ ไรวินท์ว่ารู้เรื่องรำไพแล้ว ต้องการให้เขาเลิกเสีย อย่าให้สีนวลต้องอกไหม้ไส้ขมอย่างแม่ เธอไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกับใคร ถ้าแม่ตายเธอจะลำบาก ไรวินท์จำต้องสัญญา
ในศาลาวัด สีนวลนั่งใจลอยซึมๆ ไรวินท์เดินเข้ามาถามอาการแพ้ท้อง สีนวลตาโตตื้นตัน พูดไม่ออกได้แต่เอ้อ...ค่ะ ไม่ว่าเขาจะถามอะไร จนเขานึกรำคาญ พอดีลูกน้องถือถาดน้ำมาให้บอกว่าท่านหัวหน้ากองสั่งให้จัดมาให้คุณนาย สีนวลน้ำตาคลอก้มกราบไรวินท์ซาบซึ้ง
สามคืนผ่านไป ไรวินท์ยืนมองควันพวยพุ่งออกจากยอดเมรุ คิดถึงสิ่งที่เขากระทำต่อพ่อ จนมาถึงวันที่เขากับพ่อเข้าใจกัน คำที่พ่อพูดให้ฟัง เขาเพิ่งจะรู้ซึ้งและเข้าใจว่า...ความดีของแม่ไม่ได้เหนี่ยวรั้งพ่อไว้ได้ แค่เหนี่ยวรั้งจนลูกได้หลายขวบเท่านั้น ถ้าไม่เหลือความรักให้แล้วก็ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวได้...ไรวินท์กล่าวขออโหสิกรรมแก่พ่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า
วันต่อมา ไรวินท์มาทำงานเห็นจดหมายของรำไพบนโต๊ะ ก็เปิดออกอ่านด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เพราะเธอขอกราบลา ออกจากงานและออกจากชีวิตของเขา เธอระบุว่าได้พบแม่และภรรยาของเขาที่โรงพยาบาล เธอไม่อยากเป็นเมียน้อย จึงขอไปตามทาง ไม่ต้องตามหา ไม่ต้องรู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ขอให้เราหมดเวรหมดกรรมต่อกันแต่เพียงแค่นี้
ไรวินท์มาที่บ้านเช่าที่ปิดเงียบ คิดถึงอดีตที่เคยหวานชื่น ก่อนจะเผาจดหมายของรำไพทิ้งในบ้านหลังนั้น เอ่ยปากขอให้เธอไปดี...แพรขาวยกมือท่วมหัวสาธุ...ยินดีด้วยชื่นชมความใจเด็ดของรำไพ สมกับที่มีความรู้ร่ำเรียนมาบ้างจึงหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ ไรวินท์ตาเขียวใส่ที่แพรขาวได้ทีขี่แพะไล่ แพรขาวสรุปว่าคนที่สาปแช่งเขาไม่ใช่บัวน้อยและรำไพ แล้วถามเขารู้ไหมถ้าตนเกิดในยุคสมัยเขาตนอยากรู้จักใคร ไรวินท์ตอบว่าตัวเขา เธอสัพยอกว่าเขาหลงตัวเอง
“คุณสีนวลต่างหากล่ะ ถ้าฉันรู้จักเธอ ฉันจะไปบอกกับเธอว่าให้เลิกกับผู้ชายห่วยๆ สามีของคุณซะเถอะ”
หน้าต่างห้องสีนวลเปิดออกกระแทกผนังดังปัง! ชมพูสะดุ้งตื่นร้องไห้จ้า แพรขาวตื่นจากนิมิตกอดปลอบลูก ฝนตกกระหน่ำสาดเข้าหน้าต่าง เธอต้องรีบลุกมาปิดหน้าต่างอย่างแปลกใจ
เช้าวันใหม่ ขณะที่แพรขาวนั่งทำงาน หวานและเจ๊ยอดมายืนตรงหน้า ทั้งสองอยากรู้เรื่องที่เธอกลับไปคืนดีกับแม่สามีเก่า แพรขาวสบตานลินทำนองเอาเรื่องไปเล่า เธอหลบตาวูบ สองเพื่อนยินดีที่ทำอย่างนั้นเพราะมรดกจะได้ไม่ตกไปไหน ต้องเป็นของชมพู แพรขาวร้องขึ้น
“โอ๊ยไม่เอาแล้ว เรื่องมรดกมรดึก ฟังมาจนจะเอียนแล้วเนี่ย มรดกตัวเองไปยุ่งมากก็ปวดหัวแล้วไอ้คนที่ไปยุ่งกับมรดกคนอื่นจนทำตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อนนี่ น่าเบื่อกว่าอีก”
สามเพื่อนงงงวย แพรขาวนึกได้ว่าเอาเรื่องไรวินท์มาเป็นอารมณ์ รีบปัดว่าเมื่อคืนดูละครอินไปหน่อย นลินท้วงดูจากไอแพดหรือ ที่เรือนเล็กไม่มีทีวี แพรขาวทำหน้าเจื่อนๆ...ไรวินท์ซึ่งยืนอยู่หน้าศาลเจ้าบ้านเจ้าเรือนสบถออกมา
“แม่แพรขาว นี่เห็นว่าฉันออกไปไหนไม่ได้ใช่ไหม นินทาใหญ่เทียว แม่ปากตะไกร”
ooooooo
ในห้องพักของเท็นและดิวเต็มไปด้วยกองผ้าที่ยังไม่ได้ซัก จานชามวางสุมไม่ได้ล้าง เสียงท๊อปไม่สบายร้องไห้โยเย เท็นเกิดความรำคาญเอ็ดดิวให้ทำให้ลูกหยุดร้อง ดิวไม่รู้จะทำอย่างไร คว้าขวดนมที่ค้างตั้งแต่เมื่อคืนใส่ปากลูก ก่อนจะตัดสินใจโทร.หาพัสกร
พัสกรดีใจมากที่ดิวติดต่อมาเพราะหวังจะได้รถสปอร์ตคันใหม่เสียที พอแถบทิพย์รู้ว่าดิวติดต่อกลับมา เขมินีกับสาโรจน์ก็มารอที่คฤหาสน์โอฬารด้วย ไม่นานพัสกรโทร.มาบอกว่าท๊อปไม่สบายมากท้องเสียไม่หยุด แถบทิพย์ตกใจบอกลำไส้อักเสบจากการกินอะไรสกปรก ให้พาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ พัสกรจะส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ คอนโด เขมินีดึงโทรศัพท์มาคุยเอง
“ไอ้กร แกเอาเด็กไปที่โรงพยาบาลหมอวิกรมแหละเข้าใจไหม แล้วเดี๋ยวฉันจัดการประสานให้เขาเตรียมอะไรๆ ไว้ให้แกเอง”
พัสกรรับคำอุ้มท๊อปจะขึ้นรถ ดิวโวยวายจะไปโรงพยาบาลไหน ถ้าเป็นที่จะตรวจดีเอ็นเอตนไม่ให้ไป พัสกรเอ็ด “หมอวิกรมนี่เขารักษาพี่มาแต่ไหนแต่ไรจะไม่ไปเกิดลูกตายขึ้นมา ดิวจะรับผิดชอบไหมล่ะ”
ทีมา: http://www.thairath.co.th/ent/novel/Jaobanjaoraiun