
“เสียง ที่เปลี่ยน”
การลาออก จากงาน เเล้วกลับมาอยู่บ้านโดยไม่สมัครงานที่อื่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในสังคมต่างจังหวัด ผมต้องเจอกับคำนินทา เเละคำถามมากมายจากชาวบ้าน (ตกงานเหรอ,ทำไมไม่หางานทำ,อุส่าห์เรียนจนจบปริญญาเเล้วมาปลูกผักขายผักทำไม ฯลฯ)
ตัวผมเองเข้มเเข็งมากพอที่จะทนฟังเสียงเหล่านั้นได้ เเต่สำหรับ เเม่ เมื่อโดนชาวบ้านถามทุกวัน เเม่ก็เริ่มรู้สึก เเละบอกผมว่า …”ไปสมัครงานเถอะ เเม่อายชาวบ้านเค้า” ณ ตอนนั้น คือเข้าเข้าใจเเม่นะ เเต่เราในฐานะลูก คือเครียดมากที่ต้องทำให้เเม่ไม่สบายใจ ก็ได้เเต่รับฟัง อดทน ก้มหน้า ก้มตา เป็นพ่อค้าขายผัก ทำทุกอย่างเพื่อให้คนเค้ายอมรับ ต่อไป


… ผมเริ่มปรับปรุงเเผงผัก เปลี่ยนร้านค้าโทรมๆในตลาดของเเม่ให้ดีขึ้น ออกแบบเเพ็คเกจเปลี่ยนจากถ้วยโฟม ถุงพลาสติก เป็นกระจาดเเละวัสดุจากธรรมชาติเข้ามาเเทน รวมถึงสร้างเเบรนด์เล็กๆเป็นของตัวเอง ผมอาจจะไม่ได้คิดเป็นนักธุรกิจ เเต่ผมคิดเเบบเด็กถาปัตคนนึง ที่อยากจะนำความรู้ที่มี มาปรับใช้กับอาชีพเกษตรกรให้ได้มากที่สุด
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ 2ปีกว่าๆเเล้วครับ ทุกๆวันผ่านไปอย่างมีความหมาย ไปพร้อมๆกับเสียงคำนินทาที่ค่อยๆเริ่มจางหายไป เเม้อาจจะโทรม จะดำ จะคล้ำ ลงไปบ้าง เเต่มันก็คุ้มค่ามากๆกับ เสียงที่เปลี่ยน ….ไป

ทีมา: saraupdate